วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

แยกสเต็มเซลล์บริสุทธิ์จากน้ำคร่ำ



ดร.ทัศนีย์ เพิ่มไทย
       ภาควิชาสูติศาสตร์ - นรีเวชวิทยา
       
       ว่าไปแล้วสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิด เป็นความหวังของการรักษาโรคที่ชาวโลกต่างรอคอยความสำเร็จในการพบวิธีการเก็บสเต็มเซลล์จากน้ำคร่ำที่เหมาะจะใช้ปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วยโดยไม่กังวลเรืองความบริสุทธิ์กับการเกิดก้อนเนื้องอกในภายหลัง ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของโลกและเป็นความหวังที่ใกล้ความจริงสำหรับการรักษาโรคในอนาคต
   นักวิจัยจากภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยถึงความสำเร็จของการแยกสเต็มเซลล์บริสุทธิ์จากน้ำคร่ำจนมีความเหมาะสมที่จะนำไปใช้กับผู้ป่วยได้ ว่าสเต็มเซลล์ชนิดนี้มีคุณสมบัติที่พิเศษกว่าสเต็มเซลล์ตัวเต็มวัยชนิดอื่น ที่นอกจากสามารถเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ร่างกายได้หลายชนิดแล้วยังสามารถแบ่งเซลล์ได้ดีมากโดยสามารถแบ่งตัวจากหนึ่งเซลล์เป็นหลายแสนล้านเซลล์โดยใช้เวลาไม่นาน และยังมีข้อดีที่เซลล์มีความอ่อนวัยมากจึงไม่แสดงภูมิคุ้มกันที่ชัดเจน ซึ่งจะทำให้ไม่มีปัญหาการต่อต้านและปฏิเสธจากร่างกายเมื่อนำ สเต็มเซลล์ชนิดนี้ไปใช้ปลูกถ่ายรักษาโรคให้แก่ผู้อื่น
       
       การแยกสเต็มเซลล์บริสุทธิ์จากน้ำคร่ำนี้ จะใช้น้ำคร่ำจากหญิงตั้งครรภ์ที่ต้องเจาะเก็บน้ำคร่ำเพื่อตรวจโครโมโซมดูความปกติของทารกในครรภ์อยู่แล้ว ซึ่งมีอายุครรภ์ 4 เดือน เพราะเป็นช่วงอายุครรภ์ที่มีความปลอดภัยต่อแม่และเด็กและมีน้ำคร่ำมากพอ โดยการคัดแยกสเต็มเซลล์นั้นจะใช้น้ำคร่ำในปริมาณเพียง 1-2 มิลลิลิตร เท่านั้น ซึ่งในน้ำคร่ำนั้นจะมีเซลล์หลายชนิดลอยปะปนอยู่จำนวนมาก ซึ่งพบสเต็มเซลล์อยู่เพียง 0.1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
       
       ข้อดีของกรรมวิธีการคัดแยกสเต็มเซลล์จากน้ำคร่ำด้วยวิธีนี้ คือ การใช้หลักความเข้าใจพื้นฐานด้านเซลล์วิทยามาพัฒนาเป็นวิธีการที่ไม่ซับซ้อน ไม่ต้องพึ่งพาสารเคมีและเครื่องมือราคาแพงจากต่างประเทศ แต่สามารถ ได้สเต็มเซลล์คุณภาพดีมีความบริสุทธิ์สูง และได้ปริมาณที่เพียงพอในเวลาอันสั้น โดยจะทำการเลือกสเต็มเซลล์คุณภาพดีทีสุดเพียงหนึ่งเซลล์มาใช้เป็นเซลล์เริ่มต้น ซึ่งจะได้ภายในเวลา 3 วันแรก จากนั้นเพาะเลี้ยงจากหนึ่งเซลล์ให้เพิ่มขึ้นเป็นแสนล้านเซลล์ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ การจัดหาสเต็มเซลล์คุณภาพดีได้อย่างไม่จำกัดและใช้เวลาเพียงสั้นๆนี้ จะเป็นผลดีต่อการค้นคว้าวิจัยต่อยอด และสำหรับการนำมาใช้รักษาคนไข้ในอนาคต เพราะการนำสเต็มเซลล์มาใช้เพื่อรักษาโรคนั้นต้องใช้สเต็มเซลล์จำนวนไม่น้อยกว่า 10 ล้านเซลล์ในแต่ละครั้ง
       
       ทั้งนี้ ศิริราชมีแนวคิดใช้เพื่อการรักษาในหลายโรค โดยขณะนี้กำลังวิจัยคิดค้นเพื่อใช้รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม โดยกำลังศึกษาทดลองใช้รักษาในสัตว์ทดลองที่เป็นโรคดังกล่าว ซึ่งหากพบว่าได้ผลดี จะทำการทดลองในคนต่อไป คาดว่าภายใน 1 ปี น่าจะเห็นผลการทดลอง อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถคาดเดาผลการทดลองได้ 100 เปอร์เซ็นต์
    นอกจากนี้ กำลังศึกษาวิจัยหาวิธีการเลี้ยงสเต็มเซลล์ให้บริสุทธิ์จากโปรตีนสัตว์ เพื่อแก้ปัญหาการปฏิเสธเซลล์ที่พบ เนื่องจากปัจจุบันนี้อาหารเลี้ยงเซลล์ที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกมีส่วนผสมจากเลือดลูกวัวในท้องแม่วัว ทำให้มีโปรตีนสัตว์เกาะที่ผนังเซลล์ ซึ่งเมื่อนำเซลล์ไปปลูกถ่าย ร่างกายมนุษย์อาจต่อต้านโปรตีนสัตว์ดังกล่าว จึงได้ทดลองใช้เลือดจากสายสะดือที่ทิ้งภายหลังคลอดมาใช้ พบว่าได้ผลดีมาก จึงเตรียมขยายการทดลองต่อไป


   การแยกสเต็มเซลล์บริสุทธิ์จากน้ำคร่ำ เป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ซึ่งมีแผนก้าวต่อไปเพื่อจะจัดเก็บสเต็มเซลล์บริสุทธิ์เหล่านี้ให้เป็นระบบด้วยการจัดตั้งธนาคารสเต็มเซลล์ที่ได้จากการตั้งครรภ์ โดยที่คณะวิจัยมีโครงการจัดตั้งธนาคารสเต็มเซลล์จากน้ำคร่ำ รก และสายสะดือ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีแหล่งสำรองสเต็มเซลล์สำหรับการวิจัยและรักษาคนไข้ได้อย่างไม่จำกัดในอนาคต
       
       พบกิจกรรมดีๆที่ศิริราช
       
       คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ขอเชิญร่วมยินดีและเป็นเกียรติแก่ รศ.นพ.ทวี เลาพันธ์ ที่ได้รับรางวัลปาฐกถาสุด แสงวิเชียร ประจำปี 2555 สาขาแพทยศาสตร์ศึกษา พร้อมแสดงปาฐกถา เรื่อง “การพัฒนาการจัดการศึกษาการแพทย์แผนไทยประยุกต์” ในวันพุธที่ 21 พ.ย. นี้ เวลา 13.30 น. ณ อาคาร ๑๐๐ ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ ชั้น 15 รพ. ศิริราช


ขอขอบคุณที่มาของภาพและบทความ : www.manager.co.th                   
Create By: Pal_Pitchapong 




 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Justin Bieber, Gold Price in India